ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครั้งแรกที่ฉันมาโซล ฉันหลงไหลในความเร็วของเมือง — ผู้คนเดินเร็ว รถไฟตรงเวลา ร้านเปิดยันเที่ยงคืน และ Wi-Fi มีแทบทุกที่ แต่เมื่อได้รู้จัก “คลองชองกเยชอน” ครั้งแรกจากการซื้อ ทัวร์เกาหลี กับทาง Letago Travel
คลองชองกเยชอนไม่ใช่คลองธรรมดา แต่มันคือหัวใจของความสงบในเมืองหลวงของเกาหลีใต้ ที่ไม่ว่าใครจะเดินมาเหนื่อยล้าแค่ไหน — พอได้หย่อนตัวลงริมทางเดินข้างสายน้ำ เสียงใจเราจะเบาลงโดยไม่รู้ตัว เป็นเหมือนสวนสาธารณะ ไว้พักผ่อน กับเสียงน้ำที่ไหลผ่าน ฟังแล้วผ่อนคลาย
คลองชองกเยชอน (청계천) คือคลองประวัติศาสตร์ที่ยาวประมาณ 11 กิโลเมตร ไหลผ่านใจกลางกรุงโซล ตั้งแต่ย่าน Jongno ไปจนถึงแม่น้ำฮัน จุดเริ่มต้นของคลองอยู่ที่ Cheonggye Plaza ใกล้กับ City Hall และ Dongdaemun
เดิมทีคลองสายนี้เคยถูกปกคลุมด้วยทางด่วนและเสื่อมโทรมอย่างหนักในช่วงทศวรรษ 1960–2000 ก่อนที่ทางการโซลจะตัดสินใจ “รื้อคืนชีวิต” ให้กับมันในปี 2003 ด้วยการรื้อทางด่วนและปรับปรุงภูมิทัศน์ จนกลายเป็นทางเดินริมน้ำที่เป็นมิตรกับผู้คนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย
เส้นทางเดินของคลองชองกเยชอนถูกออกแบบมาเพื่อให้คนเมือง “ได้พักใจ” อย่างแท้จริง ทางเดินสองฝั่งมีต้นไม้ร่มรื่น ระยะห่างจากถนนใหญ่พอให้ได้ยินเสียงนกกับเสียงน้ำมากกว่าเสียงรถ
คุณสามารถเดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และตลอดเส้นทางมีจุดนั่งพัก จิตรกรรมฝาผนัง น้ำตกจำลอง และสะพานเล็ก ๆ ให้หยุดถ่ายภาพ หรือเพียงแค่นั่งเล่นกับสายลมที่ไหลผ่านผิวน้ำ
สะพาน Gwangtonggyo: จุดถ่ายภาพคลาสสิกของคลอง มีน้ำพุเล็ก ๆ และหินสำหรับข้ามคลองแบบธรรมชาติ
สะพาน Mojeongyo: จุดที่ประดับไฟอย่างสวยในเทศกาลแสงไฟ
สะพาน Samilgyo: ใกล้ตลาด Namdaemun ถ้าชอบเดินช้อปให้เผื่อแวะ
สะพาน Cheonggyecheon 5-ga: จุดที่น้ำใสที่สุดและมีวิวเมืองขนาบสองฝั่ง
หลังพระอาทิตย์ตก แสงไฟ LED ตลอดแนวคลองจะเริ่มส่องประกาย ผนวกกับเสียงน้ำตกเบา ๆ และลมเย็นสบาย — ถ้าคุณมาคนเดียวจะรู้สึกสงบ ถ้ามากับใครจะรู้สึกผูกพัน
โดยเฉพาะถ้าได้มาช่วงเทศกาล Seoul Lantern Festival (เดือน พ.ย.) ทั้งคลองจะเต็มไปด้วยโคมไฟลอยน้ำ ศิลปะโคมหลากสี เป็นภาพที่ตรึงตาอย่างแท้จริง
หากคุณมีเวลาครึ่งวัน หรืออยากแวะหลังจากเที่ยวพระราชวัง นี่คือเส้นทางที่ฉันแนะนำให้ลอง:
จุดที่ | จุดแวะ |
---|---|
1 | เริ่มที่ Cheonggye Plaza ใกล้ Gwanghwamun Square |
2 | เดินผ่าน สะพาน Gwangtonggyo ชมงานศิลป์และน้ำตก |
3 | แวะจิบกาแฟร้าน local คาเฟ่ตรงทางลง Exit 5 ของสถานี Jonggak |
4 | เดินต่อจนถึง Samilgyo Bridge และขึ้นไปยัง Myeongdong ได้เลย |
คุณสามารถเลือกจะเดินเพลิน ๆ ยาวถึง Dongdaemun ก็ยังได้ เพราะคลองเชื่อมกับห้าง DDP (Dongdaemun Design Plaza) โดยตรง
Jonggak Station (สาย 1) – ออกทางออก 5 เดินประมาณ 2 นาที
City Hall Station (สาย 1 และ 2) – ทางออก 4
Gwanghwamun Station (สาย 5) – ทางออก 5 ใกล้จุดเริ่มคลอง (Cheonggye Plaza)
Dongdaemun Station – สำหรับคนอยากเดินปลายทางคลอง
รถเมล์สายที่ผ่าน Gwanghwamun และ Sejong-ro เช่นสาย 101, 150, 160, 260, 401 ก็สามารถลงใกล้คลองได้
ถ้าคุณพักย่าน Myeongdong, Insadong, หรือ Jongno — เดินมาได้เลย ไม่เกิน 10 นาที
ข้อแนะนำ | รายละเอียด |
---|---|
🕒 เวลาแนะนำ | บ่ายแก่ ๆ ถึงค่ำ ช่วง 16:00 – 20:00 |
📸 จุดถ่ายรูปสวย | Gwangtonggyo, สะพาน 5-ga, ช่วงที่มีโคมไฟ |
🍽 อาหารรอบ ๆ | แนะนำแวะกินที่ Insadong หรือ Dongdaemun |
🎫 ค่าเข้าชม | ฟรีตลอดสาย |
☂ ควรพก | ร่มพับ – ถ้าช่วงหน้าร้อน หรือฝนปรอย |
🧍♂️ เหมาะสำหรับ | คนโสด คู่รัก ครอบครัว นักถ่ายภาพ นักปั่นวิ่ง |
เมื่อคุณเดินลัดเลาะผ่านซอยระหว่างตึกสูงระยิบระยับของโซล สิ่งแรกที่คุณจะได้กลิ่น คือความหอมจากเตาย่างของเหล่าแผงสตรีทฟู้ด และเสียงเรียกลูกค้าของพ่อค้าแม่ขาย นั่นคือประตูสู่ ตลาดเมียงดง (Myeongdong Market) — พื้นที่ที่เป็นทั้ง “หัวใจการช็อป” และ “สรวงสวรรค์ของกิน” ในช็อตเดียว
เมียงดง คือย่านที่ทอแสงสีและชีวิตชีวาของคนเดินถนน โดยเฉพาะหลังตกเย็น ตลาดจะถูกแปลงโฉมให้เต็มไปด้วยแกรบสตรีทฟู้ด — ตั้งแต่ไก่ทอดคาราเกะ พิซซ่าเห็ดโคลด์ร้อน จนถึงโคนไอศครีมดอกไม้ 🌸
ยิ่งคุณเดินลึกเข้าไป จะเจอร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง Innisfree, Etude House และตู้ลองเด้งเยาว์ใจ เต็มไปหมด
เมื่อพูดถึงเมียงดง หากไม่ได้ทานสตรีทฟู้ด ถือว่ายังไม่ได้มา:
Tteokbokki (ต็อกบกกี): ข้าวเหนียวรสเผ็ด เทลงเป็นชิ้นเยิ้ม
Hotteok (ขนมแพนเค้กร้อนใส่น้ำตาล)
Gimbap (ข้าวห่อสาหร่ายสไตล์ซูชิ)
Odeng (ปลาทรงรูปไม้เสียบในน้ำซุปอุ่น ๆ)
ไก่ทอดซอสเผ็ด (Yangnyeom Tongdak) — กรอบนอก ชุ่มซอสหวานเผ็ด
ขนม, ของหวานผสมผลไม้ / ไอศครีม: ร้านแน่นเต็ม พร้อมถ่ายรูปลงโซเชียลได้เลย!
ย่านนี้เรียกได้ว่า “Multisensory adventure” — สัมผัสครบทั้งดม กลืน มอง ฟังความคึกคักของปริมาณคนและ street vendor
เมียงดงมีครบจบทุกเจน:
โซนความงาม: ร้านเครื่องสำอางชื่อดังแจกของทดลอง เคลมราคาแจกคูปอง
แฟชั่น: ชุดวัยรุ่นแถว high street brands – สไตล์โคเรียแฟชั่นเข้าถึงง่าย
ห้าง-Department Store: เช่น Lotte, Shinsegae เชื่อมกับ subway สะดวกยิ่ง
สาย Art & Fan: แวะถ่ายรูปที่ Cartoon Street (Zaemiro) ระยะทางหน่อยเดียวจาก Myeongdong Station ถึงจะเต็มไปด้วยกราฟิตี้และการ์ตูนภาพดีไซน์จัดจ้าน
สาย 4 ลง Myeongdong Station (Exit 5‑8)
หรือ สาย 2 ลง Euljiro 1‑ga Station (Exit 5‑6) เดินต่ออีก 2 นาทีก็ถึง
รับส่งจากสนามบินเข้าเมียงดงสะดวก ใช้บริการ limo-bus
บัสท้องถิ่นผ่านย่าน (เช่นสายที่ผ่าน Dongdaemun และ Gyeongdong Market)
ถูกเรียกทุกมุมย่าน ราคาประมาณ 7,500‑9,500 วอน จากสถานีใกล้เคียง
แนะนำให้ใช้ — แตะผ่านได้ทั้งรถไฟ, รถบัส แล้วยังมีส่วนลดบางร้านถ้าใช้จ่ายผ่านบัตร
เคล็ดลับ | รายละเอียด |
---|---|
มาเวลาไหนดี? | วันธรรมดาเช้า–กลางวันฝูงชนเบาบ้าง จัดสตรีทฟู้ดแน่นช่วงเย็น 17:00+ |
พกเงินสด | เพราะบางแผงไม่รับบัตร (ต่อราคาได้เล็กน้อย) |
รองเท้าสบาย | เดินยาวทั้งวัน 5–10 กม.แน่นอน |
เช็กเทศกาล | มีงาน Myeongdong Festival ช่วง Spring/Autumn — คึกคัก มีพาเหรด & เซลล์สินค้า |
เล่น AR Tour | เทรนด์ใหม่ มี AR-guided tour / pop‑up K‑Pop / photospot influencer |
✅ ทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ติดใจกลางสถานี MRT และแหล่งท่องเที่ยว
✅ ครบทุกอย่างใน 1 ย่าน — ช็อป, กิน, เดินเล่น, ถ่ายรูป
✅ ประสบการณ์สายชวนลิ้มรส สตรีทฟู้ดหลากหลาย
✅ รองรับทั้งคนไทยและต่างชาติ — ภาษาอังกฤษง่าย พนักงานพูดได้ และร้านหลายแห่งมีพนักงานพูดไทย
✅ กราฟฟิตี้ & Pop‑up เทรนด์ เสริมความอินเทรนด์ เป็นมุมถ่ายรูปสวย
หาก โซล (Seoul) คือเมืองที่สรรค์สร้างความทันสมัยจนตราตรึงใจ ใจกลางเมืองกลับมี หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) คือโอเอซิสของโบราณท่ามกลางคอนกรีตที่ตระการตา บุกชอนแปลว่า “หมู่บ้านทางเหนือ” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung) และชางด็อกกุง (Changdeokgung) บริเวณนี้รวบรวมบ้านฮันอกดั้งเดิมของชนชั้นปกครองราชวงศ์โชซอนเอาไว้มากถึง 900 หลัง
ปัจจุบันถูกฟื้นฟูอย่างประณีตจนกลายเป็นจุดหมายอันดับต้นของนักเดินทาง ผู้แสวงหา “เกาหลีแท้” เพราะที่นี่ไม่เพียงพาชมบ้านไม้โบราณ แต่ยังแทรกด้วยร้านกาแฟ คาเฟ่สไตล์ฮานอก พิพิธภัณฑ์ และเวิร์กช็อปศิลปะท้องถิ่น – เหมือนเปิดหน้าประวัติศาสตร์พร้อมสัมผัสชีวิตประจำวันของคนเกาหลีสมัยก่อนอย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีชีวิตดึงดูดคนทุกยุคทุกวัย ท่านสามารถดู ทัวร์เกาหลี สำหรับเส้นทางนี้ได้
ถนนลาดเอียงคดเคี้ยวตัดผ่านหมู่บ้านกับหลังคากระเบื้อง Rukki ขั้นบันไดอันสง่างาม... ที่นี่คือพาโนรามาประวัติศาสตร์ที่เดินได้ เก็บภาพสวยงามไว้ในทุกอณูภาพ และยังได้เห็นวิถีชีวิตจริงของผู้อยู่อาศัยที่บางหลังเปิดเป็นเกสต์เฮาส์ หรือร้านศิลปะในบ้านเก่า
เดินเพียงไม่กี่ก้าว จะเจอกับเวิร์กช็อปปักไหม เทคนิค Knot Museum ห้องสอนวาดภาพดั้งเดิม พิพิธภัณฑ์หุ่นเทียน ฯลฯ – ที่เหมาะกับคนที่ไม่อยากแค่เดินชม แต่ต้องการ “ลองทำ”
ผู้ที่แสวงหามุมสงบ ชื่นชอบบรรยากาศย้อนยุค สามารถแวะนั่งจิบกาแฟ artesanal ในบ้านฮันอกหรือร้านชาแบบโบราณ เติมพลังระหว่างชมบ้านไม้ และกลมกลืนกับวิถีชาวบุกชอน
เดินขึ้นเนินจะพบมุมสูงที่มองเห็น skyline ของโซลตัดกับหลังคาบ้านไม้ เหมาะกับการถ่ายภาพเก๋ ๆ โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็น ท้องฟ้าสวย ๆ เติมความคลาสสิกให้ภาพของคุณ
🚇 รถไฟใต้ดิน (Subway):
ลงที่ Anguk Station (สาย 3 – ส้ม) ทางออก Exit 2 หรือ 3 เดินนิดเดียว (ประมาณ 5–10 นาที) ก็ถึงใจกลางหมู่บ้าน
🚌 รถบัส:
นั่งบัสสายที่ผ่าน Jongno หรือ Gye-dong แล้วลงก่อนถึง Gyeongbokgung ก็ได้ หรือรถท่องเที่ยวสายสีแดง Seoul City Tour ก็มีป้ายใกล้หมู่บ้าน
เวลาเข้าออก:
เวลาเข้าชมทั่วไปคือ 10:00–17:00 น. หลังจากนั้นจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยส่วนตัวของคนในพื้นที่ (Restricted area)
ค่าธรรมเนียม:
เข้าชมฟรีทั้งหมด ยกเว้นกิจกรรมเฉพาะ เช่น เวิร์กช็อป หรือคาเฟ่บางแห่งที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เลือกเวลามาให้ดี: หมู่บ้านเปิดเข้าชม 10:00–17:00 พฤหัส–อาทิตย์ (บางเจ้าไม่ให้เข้าวันอาทิตย์)
หลีกเลี่ยงวันอาทิตย์ หากคนท้องถิ่นบอกว่าหมู่บ้านอาจปิดบางส่วน
เคารพผู้อยู่อาศัย: ไม่โพสต์ไว้อินบ็อกซ์บ้าน หรือส่งเสียงดัง เพราะที่นี่ยังมีคนจริง ๆ อยู่
ใส่รองเท้าสบาย เดินขึ้นเนินและบันไดเยอะ
จองล่วงหน้า สำหรับ workshop, ทัวร์ หรือเช่าฮันบก เพื่อรับราคาดีและหลบคิว
พระราชวังเคียงบกกุงสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1395 ในยุคต้นของราชวงศ์โชซอน เป็นพระราชวังหลวงแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในห้าพระราชวังของเกาหลีใต้ ชื่อ “เคียงบกกุง” แปลได้ว่า “พระราชวังแห่งความโชคดี” สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองและอำนาจของราชวงศ์ในยุคนั้น
ที่นี่ไม่ใช่แค่สถานที่ถ่ายรูปสวย ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่คุณจะได้สัมผัสถึงแก่นของวัฒนธรรมเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมแบบเกาหลีโบราณ หรือแม้แต่การชมพิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาการณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ยอมพลาด
ประตูหลักของพระราชวังที่สูงใหญ่และสง่างาม เป็นมุมยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อมีทหารในชุดโบราณยืนประจำ
จัดขึ้นทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) วันละ 2-3 รอบ โดยเจ้าหน้าที่จะแต่งชุดนักรบสมัยโชซอนเต็มยศ พร้อมเสียงดนตรีกลองและเครื่องเป่าทรงพลัง นี่คือพิธีที่ได้รับการฟื้นฟูเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจและซาบซึ้งในประวัติศาสตร์
อาคารพิธีหลักซึ่งพระราชาใช้ต้อนรับขุนนางและแขกต่างประเทศ โครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ งดงามสมฐานะผู้นำแผ่นดิน
ศาลากลางน้ำสุดโรแมนติกที่เปรียบเหมือนสวรรค์เล็ก ๆ ในวัง ยิ่งมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ยิ่งได้ภาพที่งดงามเหมือนโปสการ์ด
หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวคือ “การเช่าชุดฮันบก” หรือชุดประจำชาติเกาหลี เพื่อเดินเล่นและถ่ายรูปภายในพระราชวัง หากคุณสวมชุดฮันบกเข้าสถานที่ — สามารถเข้าพระราชวังได้ฟรี!
มีร้านให้เช่าชุดอยู่รอบ ๆ พระราชวังหลายแห่ง ราคาเริ่มต้นประมาณ 10,000 – 50,000 วอน (300 – 1500 บาท) และสามารถเลือกแบบแฟนซีหรือตัดเย็บอย่างประณีตได้ตามงบที่มี
💡 เคล็ดลับ: แนะนำจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปท่องเที่ยว เช่น Klook, Trazy, KKday เพื่อเลือกชุดสวย ๆ และหลีกเลี่ยงการรอคิว
สาย 3 (Orange Line): ลงสถานี Gyeongbokgung Station (Exit 5) – เดินไม่เกิน 3 นาทีถึงหน้าวัง
หรือใช้สาย 5 (Purple Line): ลงสถานี Gwanghwamun Station (Exit 2) – เดินประมาณ 10 นาที
สาย 109, 171, 272, 601 หรือสายรถบัสท่องเที่ยว Seoul City Tour Bus (สายสีแดง) ก็สามารถลงใกล้พระราชวังได้โดยตรง
รายการ | รายละเอียด |
---|---|
เวลาเปิด-ปิด | 09:00 – 18:00 น. (เข้าก่อนเวลา 17:00) ปิดวันอังคาร |
ค่าธรรมเนียม | ผู้ใหญ่ 3,000 วอน / เด็ก 1,500 วอน |
เข้าฟรี | ผู้ใส่ชุดฮันบก / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป / เด็กเล็ก |
📍 161 Sajik-ro, Jongno-gu, Seoul, South Korea
ท่านไหนที่ไม่สะดวกเดินทางเที่ยวเอง สามารถดูรายการ ทัวร์เกาหลี << click ที่นี่เลยจ้า
หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนกรุงโซล เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวาของประเทศเกาหลีใต้ หนึ่งในแลนด์มาร์กที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ Seoul Tower หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า N Seoul Tower หอคอยสูงกลางภูเขานัมซาน ที่ไม่เพียงแต่ให้มุมมองสุดตระการตาของเมืองโซลเท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก และกิจกรรมหลากหลายให้คุณได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
Seoul Tower สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1969 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมในปี 1980 เดิมทีเป็นเสาสัญญาณโทรคมนาคม แต่ต่อมาได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโซล ตัวหอคอยตั้งอยู่บน ภูเขานัมซาน (Namsan Mountain) ที่ความสูง 236 เมตรเหนือระดับพื้นดิน และเมื่อรวมความสูงของหอคอยอีก 236.7 เมตร ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สูงที่สุดในกรุงโซล
จุดชมวิวของ Seoul Tower เปิดโอกาสให้คุณได้เห็นกรุงโซลจากมุมสูงแบบพาโนรามา ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็มีเสน่ห์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง — ในเวลากลางวันคุณจะได้เห็นเมืองที่โอบล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำฮัน ส่วนกลางคืนก็เปล่งประกายด้วยแสงไฟนับไม่ถ้วนจากตึกสูง
หากคุณมาเป็นคู่ ที่นี่คือหนึ่งในสถานที่โรแมนติกที่สุดในกรุงโซล! บริเวณฐานของหอคอยมีพื้นที่ให้คู่รักนำ "กุญแจแห่งรัก" มาคล้องไว้กับรั้วเหล็ก และโยนกุญแจทิ้งเป็นสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ (อย่าลืมพกกุญแจมานะ!)
การเดินทางขึ้นภูเขานัมซานก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่น่าจดจำ คุณสามารถนั่ง เคเบิลคาร์ ขึ้นจากสถานีใกล้ๆ Myeongdong และเลือกเดิน Sky Walk ท่ามกลางธรรมชาติและวิวเมืองสวยๆ หรือจะขึ้นรถบัสก็สะดวกสบายเช่นกัน
ด้านล่างของหอคอยเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่มีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย เหมาะแก่การนั่งชิล ดูพระอาทิตย์ตก หรือซื้อของฝากน่ารัก ๆ กลับบ้าน
บนหอคอยมี N Grill ร้านอาหารหมุนรอบตัวเอง 360 องศา ให้คุณดินเนอร์พร้อมชมวิวไปพร้อมกัน (ต้องจองล่วงหน้านะครับ) และยังมี Café Terrace ที่ให้บรรยากาศชิล ๆ พร้อมเครื่องดื่มและของหวาน
รถไฟใต้ดิน: ลงสถานี Myeongdong Station (Line 4, Exit 3) แล้วเดินประมาณ 10 นาทีถึงสถานีเคเบิลคาร์
รถบัสนัมซาน: มีให้บริการหลายสาย เช่น Namsan Sunhwan Shuttle Bus No.02, 03, 05
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เย็นไปจนถึงค่ำ จะได้ชมวิวทั้งตอนพระอาทิตย์ตกและไฟกลางคืน
อย่าลืมพกกล้อง หรือโทรศัพท์ชาร์จเต็ม เพราะวิวที่นี่ถ่ายออกมาสวยทุกมุม!
หน้าหนาวหิมะตกบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ แต่ควรแต่งตัวให้อุ่น
Page 2 of 2